บริษัท ไทยพริ้นท์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
  • th

เช็กลิสต์เตรียมไฟล์งานก่อนส่งโรงพิมพ์


เช็กลิสต์เตรียมไฟล์งานก่อนส่งโรงพิมพ์

เช็กลิสต์เตรียมไฟล์งานก่อนส่งโรงพิมพ์ฉลากและกล่อง ลดความผิดพลาดและประหยัดเวลา

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้งานพิมพ์ล่าช้า แก้ไฟล์หลายรอบ หรือสีไม่ตรงกับที่คาดหวัง คือ “ไฟล์งานต้นฉบับไม่พร้อม” ถ้าคุณเตรียมไฟล์ให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น ทั้งคุณและโรงพิมพ์จะทำงานได้ง่ายขึ้น และลดความผิดพลาดได้มาก

โรงพิมพ์คุณภาพอย่าง ThaiPrint ที่รับงานฉลาก สติ๊กเกอร์ กล่อง แผ่นพับ ใบปลิว และแคตตาล็อก จะมีขั้นตอนตรวจสอบไฟล์ก่อนผลิตอยู่แล้ว แต่ถ้าลูกค้าเตรียมไฟล์ดี ยิ่งช่วยให้กระบวนการทั้งหมดไหลลื่นมากขึ้น

ทำไมการเตรียมไฟล์ให้ถูกต้องจึงสำคัญ

• ลดรอบการแก้ไฟล์และส่งกลับไป–มา

• ป้องกันปัญหาเรื่องขนาดผิด ตัดข้อความทิ้ง สีเพี้ยน หรือภาพแตก

• ช่วยให้กำหนดเวลาผลิตและจัดส่งได้ชัดเจน

• ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายระยะยาว

ขนาดงานจริง vs ขนาดไฟล์ vs ระยะตัดตก (Bleed)

ขนาดงานจริง (Finished Size)

คือขนาดของฉลากหรือกล่องหลังจากพิมพ์และตัดแล้ว เช่น 5 x 8 ซม. หรือ A4

ขนาดไฟล์งาน

ควรเผื่อระยะตัดตก (Bleed) รอบด้าน เช่น เพิ่มด้านละ 2–3 มม. เพื่อกันขอบขาวเวลาตัด

Safe Area (ระยะปลอดภัย)

ข้อความ โลโก้ หรือองค์ประกอบสำคัญ ควรอยู่ห่างจากขอบงานเข้ามาอีกเล็กน้อย เพื่อไม่เสี่ยงโดนตัดทิ้ง

การตั้งค่าสี (Color Mode) ให้เหมาะกับงานพิมพ์

ไฟล์สำหรับงานพิมพ์ควรตั้งค่าเป็นโหมดสี CMYK ไม่ใช่ RGB เพราะจอภาพแสดงผลด้วยแสง (RGB) ในขณะที่งานพิมพ์ใช้หมึก CMYK หากออกแบบใน RGB แล้วแปลงทีหลัง สีอาจเพี้ยนจากที่เห็นบนหน้าจอ

หากเป็นงานที่ต้องเน้นความเป๊ะของสี เช่น สีประจำแบรนด์ ควรแจ้งโทนสี CMYK หรือรหัสสีสำหรับงานพิมพ์ให้โรงพิมพ์ทราบ และอาจขอปรู๊ฟสีตัวอย่างก่อนผลิตจริงในปริมาณมาก

ฟอนต์ โลโก้ และการแปลงเป็นเส้น (Outline)

• ฟอนต์ที่ใช้ในงาน ควรฝังในไฟล์ หรือแปลงตัวอักษรเป็นเส้น (Outline) เพื่อป้องกันปัญหาฟอนต์เพี้ยนเมื่อเปิดคนละเครื่อง

• โลโก้ควรใช้ไฟล์เวกเตอร์ (เช่น .ai, .eps, .pdf) เพื่อให้คมชัดทุกขนาด ไม่แตกเมื่อขยาย

ความละเอียดรูปภาพที่เหมาะสมสำหรับงานฉลากและกล่อง

สำหรับงานพิมพ์ทั่วไป ความละเอียดรูปภาพควรไม่ต่ำกว่า 300 dpi ขณะอยู่ที่ขนาดใช้งานจริง หากใช้ภาพที่ความละเอียดต่ำเกินไป เมื่อพิมพ์ออกมาจะเห็นภาพแตก เบลอ หรือไม่คมชัด

การเผื่อพื้นที่สำหรับไดคัท พับ และบาร์โค้ด

• งานที่ต้องไดคัท (เช่น ฉลากทรงพิเศษ หรือกล่อง) ควรบอก เส้นตัด และ เส้นพับ ให้ชัดเจน

• อย่าวางข้อความหรือโลโก้ชิดเส้นพับจนเกินไป เพราะเมื่อติดกาวหรือพับจริงอาจอ่านลำบาก

• หากมีบาร์โค้ดหรือ QR Code ควรให้ขนาดใหญ่พอและมีพื้นที่ว่างรอบ ๆ เพื่อให้สแกนได้ง่าย

ขั้นตอนส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์ตรวจ ก่อนเข้าผลิตจริง

1. ส่งไฟล์ในรูปแบบที่โรงพิมพ์รองรับ เช่น .ai, .pdf, .psd พร้อมฟอนต์หรือ Outline แล้ว

2. แนบตัวอย่างภาพ JPG/PDF เพื่อให้โรงพิมพ์ดูเป็น Reference ว่าควรออกมาอย่างไร

3. แจ้งรายละเอียดสเปกงาน เช่น ขนาด วัสดุ กระดาษ ระบบพิมพ์ และจำนวน

4. ตรวจปรู๊ฟดิจิตอล หรือปรู๊ฟกระดาษ (ถ้ามี) ให้เรียบร้อยก่อนยืนยันผลิต

โรงพิมพ์ที่มีระบบ QC ทุกขั้นตอนอย่าง ThaiPrint จะช่วยตรวจเช็กความเรียบร้อยของไฟล์ก่อนผลิต เพื่อให้ผลงานออกมาตรงตามที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด

สรุป: ถ้าไม่มั่นใจ ให้โรงพิมพ์ช่วยเช็กไฟล์เสมอ

หากคุณไม่ได้ทำงานออกแบบเป็นประจำ การเตรียมไฟล์ให้ “ถูกทุกอย่าง” ตั้งแต่แรกอาจไม่ง่ายนัก ทางที่ดีคือ

• เตรียมไฟล์ให้ใกล้เคียงตามเช็กลิสต์ด้านบน

• ส่งให้โรงพิมพ์ช่วยเช็กและแนะนำการปรับแก้

• ถ้ายังไม่มีไฟล์พร้อม อาจให้โรงพิมพ์หรือทีมออกแบบช่วยจัดทำไฟล์ต้นฉบับให้

การคุยกับโรงพิมพ์ตั้งแต่ต้นอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณได้งานพิมพ์ฉลาก สติ๊กเกอร์ และกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวย คมชัด ตรงตามความคาดหวัง และจบงานได้ไวขึ้นมาก