เลือกสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าให้เหมาะกับการใช้งาน

• สีซีดเร็วเมื่อโดนแดดหรือความชื้น

• ฉลากลอก หลุด หรือยับเมื่อติดบนพื้นผิวโค้งหรือขวด

• กาวเสื่อม ทำให้ฉลากหลุดในระหว่างขนส่งหรือวางขาย

• ฉลากดูไม่คมชัด ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูไม่มืออาชีพ

โรงพิมพ์ที่มีประสบการณ์ด้านสติ๊กเกอร์จะช่วยประเมินว่า สินค้าเก็บในสภาพแวดล้อมแบบไหน ต้องการความทนทานระดับใด ใช้กับบรรจุภัณฑ์ชนิดใด จากนั้นจึงแนะนำวัสดุและระบบพิมพ์ที่เหมาะสมให้

เช่น เครื่องดื่มแช่เย็น เครื่องสำอางในห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

ควรใช้สติ๊กเกอร์ PVC, PP หรือ PET ที่ทนน้ำได้ดี และควรเคลือบเงาหรือด้านเพื่อเพิ่มความทนทาน

หากเป็นสินค้าแช่แข็ง หรืออยู่ใกล้ความร้อนสูง ควรแจ้งโรงพิมพ์ให้ทราบตั้งแต่ต้น เพื่อเลือกวัสดุและกาวที่ทนต่ออุณหภูมิเฉพาะทาง

สติ๊กเกอร์ที่ใช้กลางแจ้ง เช่น สติ๊กเกอร์ติดกระจกรถ หรือติดป้ายหน้าร้าน ควรเลือกวัสดุที่ทนแสงแดดและฝน พร้อมกับใช้ระบบพิมพ์และหมึกที่เหมาะกับงาน Outdoor โดยเฉพาะ เช่น อิงค์เจ็ทที่รองรับการใช้งานภายนอก

• ขนาดฉลาก (กว้าง x สูง) และรูปทรง (เหลี่ยม กลม ไดคัทพิเศษ)

• ปริมาณที่ต้องการโดยประมาณ

• ใช้กับสินค้า/บรรจุภัณฑ์แบบไหน และเก็บในสภาพไหน

• มีไฟล์ออกแบบแล้วหรือยัง

โรงพิมพ์คุณภาพอย่าง ThaiPrint ซึ่งรองรับทั้งออฟเซ็ท ซิลค์สกรีน และอิงค์เจ็ท จะช่วยเลือกระบบพิมพ์ที่เหมาะสมให้ เช่น

• ปริมาณมาก → ออฟเซ็ท คุ้มค่าต่อชิ้น

• งานเฉพาะจุด ทนทานมาก → ซิลค์สกรีน

• งานที่ต้องการความยืดหยุ่นด้านขนาดหรือจำนวน → อิงค์เจ็ท หรือดิจิตอลออฟเซ็ท

1. ฉลากจะติดกับสินค้าประเภทไหน? (ขวดแก้ว พลาสติก กล่องกระดาษ ฯลฯ)

2. สินค้าเก็บในสภาพแวดล้อมแบบไหน? (ห้องแอร์ กลางแจ้ง ตู้เย็น ฯลฯ)

3. ต้องการความทนทานระดับไหน? (ใช้ครั้งเดียว / ใช้ระยะยาว)

4. มีงบประมาณต่อชิ้นประมาณเท่าไหร่?

5. ต้องการให้ฉลากสื่อภาพลักษณ์แบบไหน? (พรีเมียม ประหยัด สดใส ฯลฯ)

เมื่อรู้คำตอบเหล่านี้ คุณจะคุยกับโรงพิมพ์ได้ง่ายขึ้น และได้สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจจริง ๆ